สายพานขอบหล่อกับตัดขอบต่างกันอย่างไร?

สายพานขอบหล่อ(Molded Edge)กับตัดขอบ(Cut Edge) ต่างกันอย่างไร?

1.ความเป็นมา-เป็นไป

ที่มา-ที่ไป ของเรื่องนี้ก็คือ มีคนสอบถามซื้อสายพานกับคอนเวเยอร์ไกด์ แทบทุกวัน แล้วก็ระบุแทบทุกครั้งด้วยว่าสายพานที่สั่งซื้อจะต้องเป็นสายพานขอบหล่อหรือหล่อขอบ(Mold Edge) ด้วยซึ่งสายพานประเภทนี้จะต้องสั่งผลิตเพราะมีสเปคได้อย่างหลากหลายจะไม่ค่อยมีใครสต๊อกสินค้าไว้ เราก็จะสอบถามว่าเป็นสายพานแบบขอบตัด(Cut Edge) ได้ไหมเพราะว่าสามารถใช้งานเหมือนกันในงานทั่วไปได้ แต่หลายครั้งก็ถูกยืนยันว่าจะต้องเป็นสายพานขอบหล่อ(Mold Edge) เท่านั้น ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นวันนี้คอนเวเยอร์ไกด์มีคำตอบให้ทุกท่านได้พิจารณาครับ…..เริ่มที่-----

การผลิตสายพานในยุคเริ่มต้น เนื่องจากเทคโนโลยียังไม่เจริญมาก ผ้าใบ(Fabric)ที่ใช้รับแรงจึงมีเพียงผ้าฝ้าย(Cotton) เท่านั้นทำให้ผ้าฝ้าย(Cotton) เป็นทางเลือกเดียวในสมัยก่อนผ้าฝ้ายก็จะมีจุดด้อยคือมันจะดูดซึมน้ำและเกิดเชื้อราทำให้ผ้าฝ้ายขาดหรือยุ่ยได้ง่ายสายพานจะขาดอายุการใช้งานของสายพานสั้น ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้สายพานขาดจึงจะต้องป้องกันผ้าฝ้าย โดยการหล่อยางหุ้มผ้าฝ้ายทั้งหมดไว้เพื่อป้องกันไม่ให้สัมผัสกับความชื้น น้ำหรือสิ่งแปลกปลอมภายนอกใดๆจึงเป็นที่มาของการผลิตสายพานแบบหล่อขอบ(Mold Edge)

ต่อมาเมื่อเทคโนโลยีมีการพัฒนามากขึ้นผ้าใบรับแรงดึง(Carcass)เปลี่ยนจากผ้าฝ้าย(Cotton) มาใช้ผ้าใบใยสังเคราะห์ที่(Synthetic Fiber) เช่น ไนลอน(Nylon) หรือโพลีเอสเตอร์(Polyester) ที่มีความยืดหยุ่นแข็งแรงรับและรับแรงดึงได้มากกว่าขณะที่มีน้ำหนักเบากว่าเมื่อมีความหนาเท่ากัน ข้อดีของผ้าใบสังเคราะห์(Synthetic Fiber) คือมันจะไม่ดูดซับ(Absorb)น้ำมากจนมีผลกระทบกับความแข็งแรงของสายพานเหมือนผ้าฝ้าย สายพานจึงไม่จำเป็นต้องหล่อขอบยางเพื่อป้องกันความชื้นเพื่อไม่ให้เข้าเนื้อสายพานอีกแต่อย่างใด ดังนั้นจึงมีการผลิตแบบตัดขอบ(Cut Edge) กันอย่างแพร่หลายเพราะสามารถลดขั้นตอนการหล่อขอบออกไปได้

2.สายพานยางดำแบบหุ้มขอบ (Molded Edge) คืออะไร

สายพานยางดำแบบหุ้มขอบ (Molded Edge) คือสายพานที่หล่อยางปิดขอบปลายทั้งสองข้างของสายพานตลอดแนวยาว ระยะหล่อยางหุ้มขอบ (Molded Edge) แต่ละข้างประมาณ 5 ถึง 15 มิลลิเมตร การหล่อขอบจะไม่ได้ช่วยให้สายพานสามารถรับแรงดึงได้มากขึ้นแต่อย่างใดและยังมีจุดอ่อนคือยางส่วนหล่อขอบนั้น(ไม่มีชั้นผ้าใบเสริม) จะหลุดออกได้ง่ายเมื่อสายพานวิ่งไปกระทบกับโครงสร้างหรือหลุดออกเมื่อต่อสายพานด้วย กิ๊ป (Mechanical Fastener) แต่ก็จะมีข้อดีคือการหล่อขอบยังไงก็เป็นการ make sure ว่าจะไม่มีสิ่งสกปรกแปลกปลอมใดๆเข้าไปในสายพาน ดังนั้นในกรณีการต่อสายพาน(Belt Splice) ด้วยการต่อร้อน(Hot Vulcanizing)จึงมีความมั่นใจว่ารอยต่อจะแข็งแรงและมั่นคง


สายพานยางดำแบบหุ้มขอบ (Molded Edge)



สายพานยางดำแบบหุ้มขอบ (Molded Edge)


3.สายพานยางดำแบบตัดขอบ(Cut Edge)คืออะไร

สายพานตัดขอบ(Cut Edge) มีขั้นตอนการผลิตเช่นเดียวกับสายพานหุ้มขอบแต่ขอบทั้งสองข้างถูกตัดออกให้เห็นชั้นผ้าใบเท่านั้นเอง สายพานตัดขอบ(Cut Edge) จะมีชั้นผ้าใบรับแรงเต็มหน้ากว้าง(Full Width) ของสายพานดังนั้นจึงสามารถรับแรงดึงและ สามารถรองรับการต่อสายพานด้วย กิ๊บ (Mechanical Fastener) ได้ดีกว่าหล่อขอบ (Mold Edge)


สายพานยางดำแบบตัดขอบ(Cut Edge)



สายพานยางดำแบบตัดขอบ(Cut Edge)


4.สรุปภาพรวมสายพานยางดำขอบหล่อ(Molded Edge)กับตัดขอบ(Cut Edge)


สรุปภาพรวมสายพานยางดำขอบหล่อ(Molded Edge)กับตัดขอบ(Cut Edge)


4.1 ที่ไปที่มาของสายพานยางดำแบบ หุ้มขอบ (Molded Edge)

• ในยุคเริ่มแรกมีเพียงผ้าฝ้าย(Cotton) ที่ใช้ทำผ้าใบรับแรงดึง เนื่องจากผ้าฝ้ายสามารถดูดซึมน้ำและเกิดเชื้อราได้ง่าย จึงต้องผลิตสายพานยางดำแบบหุ้มขอบ (Molded Edge)เพื่อป้องกันผ้าฝ้าย(Cotton) ไม่ให้สัมผัสน้ำหรือความชื้นซึ่งจะทำให้คุณสมบัติในการรับแรงของสายพานเสียไป

• ปัจจุบันยังมีสายพานยางดำแบบหุ้มขอบ (Molded Edge)นิยมผลิตอยู่ในแถบเอเชียเช่นประเทศจีนหรือประเทศไทยที่ค่าแรงยังไม่แพงมาก ส่วนมากประเทศในยุโรปอเมริกาใช้แบบตัดขอบ(Cut Edge)


ส่วนที่หุ้มขอบ(Molded Edge)ไม่สามารถใช้กิ๊บ (Mechanical Fastener) เย็บได้


4.2 ที่ไปที่มาของสายพานยางดำแบบ ตัดขอบ(Cut Edge)

• สมัยต่อมามีการพัฒนาผ้าใบที่ใช้รับแรงเป็น ผ้าใบสังเคราะห์ เช่น ไนลอน และโพลีเอสเตอร์ซึ้งไม่ทำปฏิกิริยากับความชื้นหรือน้ำ ดังนั้นผู้ผลิตจึงไม่จำเป็นจะต้องผลิตขอบยางมาป้องกันน้ำและเชื้อรา ทำให้ประหยัดเวลาและแรงงานในการผลิต

• ดังนั้นในกระบวนการผลิตสายพานยางดำแบบหุ้มขอบ (Molded Edge) จึงได้พัฒนาเพื่อให้ผลิตได้ง่ายขึ้นเป็นแบบตัดขอบ(Cut Edge)โดยการหุ้มผ้าใบรับแรงด้วยยางเต็มหน้าตัดของสายพานโดยไม่ต้องหุ้มยางที่ขอบทั้ง2 ด้าน จากนั้นมาตัดขอบข้างออกตามหน้ากว้างที่ต้องการทีหลัง จึงสามารถผลิตสายพานที่มีขนาดแรงดึงเท่ากัน แต่มีหน้ากว้างหลายๆหน้ากว้าง พร้อมๆกันในการผลิตครั้งเดียวได้ ทำให้ประหยัดเวลาและแรงงานในการผลิต

• เมื่อสายพานตัดขอบแล้วก็จะเห็นเนื้อของผ้าใบที่ขอบของสายพานเต็มหน้ากว้าง การมองเห็นขอบสายพานไม่มีผลเกี่ยวกับการรับแรงหรือทำให้คุณสมบัติของสายพานเสียไปแต่อย่างใด

• นอกจากนี้สายพานแบบตัดขอบ(Cut Edge)ยังมีข้อได้เปรียบคือสามารถรับแรงได้เต็มหน้าของสายพานและสามารถใช้กิ๊บเย็บต่อสายพานได้อย่างแข็งแรงอีกด้วย


สายพานแบบตัดขอบ(Cut Edge)สามารถใช้กิ๊บเย็บได้เต็มหน้ากว้างของสายพาน


• สายพานแบบตัดขอบ(Cut Edge) ปัจจุบันนิยมผลิตในประเทศยุโรปและสหรัฐอเมริกาหรือประเทศที่มีค่าแรงแพง เนื่องจากสามารถประหยัดเงินเรื่องค่าแรงและเวลาได้มากกว่าเพราะขั้นตอนการผลิตน้อยกว่านั้นเอง

สรุป สายพานไม่ว่าจะเป็นสายพานยางดำแบบหุ้มขอบ (Molded Edge)หรือแบบตัดขอบ(Cut Edge)สามารถใช้แทนกันได้ในงานทั่วไปถ้าหากว่าสายพานเส้นนั้นใช้เส้นใยสังเคราะห์เป็นตัวรับแรงดังนั้นหากผู้ซื้อเข้าใจหลักการนี้แล้วก็จะสามารถหาและตัดสินใจซื้อสายพานด้วยความมั่นใจได้ง่ายขึ้น


Visitors: 56,351