1. พื้นผิวและความรู้สึก:

สายพาน PU จะนุ่มและยืดหยุ่นกว่าสายพานพีวีซี ลองตัดตัวอย่างสายพานแล้วใช้มือสัมผัสจะรู้สึกถึงความยืดหยุ่น สายพาน PU มักจะยืดหยุ่นกว่าและสามารถงอได้ง่าย ขณะที่สายพานพีวีซีมักมีเนื้อแข็งกว่าเล็กน้อย (วิธีนี้อาจไม่น่าเชื่อถือเสมอไปเนื่องจากสายพานบางรุ่นอาจมีสารเคลือบหรือวัสดุอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อรูปลักษณ์ ดังนั้นจึงขอแนะนําให้ใช้หลายวิธีเพื่อระบุประเภทของสายพานลําเลียงอย่างถูกต้อง)

2. การทดสอบกลิ่น:

ใช้นิ้วถูพื้นผิวของสายพานเบา ๆ เพื่อสร้างแรงเสียดทานและทำให้เกิดความร้อนเล็กน้อยดมกลิ่นบริเวณที่ถู สายพาน PU กลิ่นไม่ฉุน ขณะที่สายพานพีวีซีมีกลิ่นพลาสติกผสมสารเคมีเล็กน้อยและฉุนกว่า(การทดสอบกลิ่นไม่ใช่วิธีที่เชื่อถือได้แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ในการแยกแยะระหว่างสายพานลําเลียง PU และ PVC แม้ว่าสายพานพีวีซีอาจมีกลิ่นสารเคมีที่แตกต่างกัน แต่กลิ่นนี้อาจถูกกลบด้วยกลิ่นอื่น ๆ ในสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้สายพาน PU อาจมีกลิ่นเล็กน้อยที่อาจเข้าใจผิดว่าเป็นพีวีซี ดังนั้นจึงขอแนะนําให้ใช้วิธีการอื่น ๆ เพื่อระบุประเภทของสายพานลําเลียงอย่างถูกต้อง)

3.ลักษณะความเรียบของพื้นผิว:

ตรวจสอบพื้นผิวอย่างใกล้ชิดภายใต้แสงไฟที่สว่างเพียงพอ สายพาน PU จะมีพื้นผิวที่เรียบมันเงาสม่ำเสมอทั้งหน้า เมื่อเทียบกับสายพาน PVC อาจมีพื้นผิวที่ขรุขระกว่าเล็กน้อยและมองเห็นเม็ดเล็กๆบนผิวได้

4.การทดสอบความยืดหยุ่น:

ตัดสายพานเป็นชิ้นเล็ก ๆ งอส่วนที่ตัดและสังเกตความยืดหยุ่นว่าเป็นอย่างไร โดยทั่วไปสายพาน PU จะมีความยืดหยุ่นมาก และสามารถงอได้ง่ายกว่าเมื่อเทียบกับสายพานพีวีซี (สายพาน PU มักจะมีความยืดหยุ่นมากกว่าสายพาน PVC ดังนั้นหากสายพานสามารถงอได้ง่ายโดยไม่แตกหรือแตกหักก็น่าจะเป็นสายพาน PU ในทางกลับกันสายพานพีวีซีอาจแข็งกว่าและมีแนวโน้มที่จะแตกเมื่องอได้ง่ายกว่า อย่างไรก็ตามสิ่งนี้อาจไม่น่าเชื่อถือได้เสมอไปเนื่องจากความยืดหยุ่นของสายพานอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยอื่น ๆ เช่นอายุและสภาพ)

6.ทนความร้อน:

การทดสอบเปลวไฟใช้ไฟแช็กหรือไม้ขีดเผาสายพานสายพาน สายพาน PU จะละลายและหดตัวเบนออกจากเปลวไฟ ในขณะที่สายพานพีวีซีจะเผาไหม้มีควันดําเสียรูปและหยด สายพาน PU จะหลอมละลายหรือการเปลี่ยนรูปที่อุณหภูมิlสูงงกว่าเมื่อเทียบ กับสายพาน PVC สายพานลําเลียง PU: มีจุดหลอมเหลวอยู่ที่ประมาณ 220 ° C (428 ° F) หรือสูงกว่า เมื่ออยู่ภายใต้ความร้อน PU อาจเริ่มเสื่อมสภาพ หรือสูญเสียคุณสมบัติทางกล แต่ไม่ละลายได้ง่ายเหมือนพลาสติกอื่น ๆ สายพานลําเลียง PVC: PVC มีจุดหลอมเหลวต่ํากว่า เมื่อเทียบกับ PU โดยทั่วไปจะเริ่มอ่อนตัวและเปลี่ยนรูปประมาณ 100 ° C ถึง 140 ° C (212 ° F ถึง 284 ° F)

8.ความต้านทานการแตกร้าว:

ใช้ส่วนเล็ก ๆ ของสายพานลําเลียงที่ต้องการทดสอบงอเบาๆ หากสายพานโค้งงอค่อนข้างง่ายและรู้สึกยืดหยุ่นได้ก็น่าจะเป็น PUหากสายพาน ทนต่อการดัดงอและรู้สึกแข็งก็น่าจะเป็นพีวีซี

8. การทดสอบกลิ่น:

สายพานงอเป็นรูปตัวยูและสังเกตว่ามีการแตกร้าวหรือความเสียหายเกิดขึ้นหรือไม่ หากสายพานไม่แตกก็น่าจะเป็นสายพาน PU หากสายแตกน่าจะเป็นสายพานพีวีซี (อย่างไรก็ตามวิธีนี้อาจไม่น่าเชื่อถือเสมอไปเนื่องจากความยืดหยุ่นของสายพานอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยอื่น ๆ เช่นอายุและสภาพ)

9.วิธีการเกี่ยวกับการทดสอบความแข็ง

เกี่ยวข้องกับการวัดความต้านทานของวัสดุต่อการเสียรูปการทดสอบความแข็ง: กดหัวกดของ durometer เบา ๆ บนพื้นผิวของสายพาน อ่านค่า durometer สายพาน PU มักจะแข็งกว่าสายพาน PVC (ค่า PU 75-95 Shore A , PVC 65-85 Shore A )

10.การทดสอบรอยขีดข่วน:

ใช้วัตถุมีคมเช่นมีดหรือใบมีดโกนเพื่อขีดข่วนพื้นผิวสายพาน สายพาน PU มักจะแข็งและทนต่อรอยขีดข่วนได้มากกว่าสายพาน PVC ดังนั้นหากพื้นผิวมีรอยขีดข่วนได้ง่ายก็น่าจะเป็นสายพานพีวีซี

11.การทดสอบการขัด:

ความต้านทานการขัดถูของสายพานสามารถวัดได้โดยใช้ Taber Abrasion Tester ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่วัดความ ต้านทานการสึกหรอของวัสดุ สายพาน PU มักจะทนต่อการขัดถูได้มากกว่าสายพาน PVC ดังนั้นหากสายพานมีอัตราการสึกหรอต่ำก็น่าจะเป็นสายพาน PU

สรุปการทดสอบเชิงปริมาณทั้งหมดในตาราง